ถ้าพูดถึงแหล่งท่องเที่ยวในระดับสุดยอดแลนด์มาร์กที่มีชื่อเสียง ถึงขั้นได้รับยกย่องว่าเป็นสถาปัตยกรรมมหัศจรรย์ และเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของโลก นั่นคือ มหาวิหารฮาเกียโซเฟีย ตั้งอยู่ที่เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี (ตุรเคีย) หรือมีชื่อเรียกในยุคสมัยหนึ่งว่า “ปัญญาแห่งพระเป็นเจ้าของชาวคริสต์” หรือในภาษากรีซหมายถึง “ภูมิปัญญาศักดิ์สิทธิ์” ซึ่งเป็นศูนย์กลางแห่งศรัทธาของชาวคอนสแตนติโนเปิล ก่อนที่จะเปลี่ยนแปลงเป็นมัสยิดหลวงในสมัยที่ชาวออตโตมันเรืองอำนาจ หลังจากนั้นก็พลิกฐานะเป็นพิพิธภัณฑ์ในสมัยสร้างรัฐชาติตุรกี จวบจนทุกวันนี้ก็ได้กลายมาเป็นสถานที่ปฏิบัติศาสนกิจของชาวมุสลิมอีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ทั้งสถาปัตยกรรม และศิลปกรรมที่ตกแต่งประดับภายในนั้น นับว่าเป็นหลักฐานแห่งยุคสมัยของไบแซนไทน์
หลังจากที่ประกาศให้ฮาเกียโซเฟียเป็นสุเหร่า ภายนอกอาคารมีการต่อเติมเสามินาเร็ต 4 ต้นเข้าไปทั้ง 4 มุมด้านตะวันออกเฉียงใต้ของมหาวิหาร เพื่อเป็นหออะซาน สำหรับส่งสัญญาณบอกเวลาละหมาด
เมื่อได้ย่างก้าวเข้าผ่านธรณีประตู พื้นทางเดินปูด้วยหินอ่อนขนาดใหญ่ รวมไปถึงบริเวณผนังที่มีการตกแต่งด้วยหินอ่อนสลับกับหินแกรนิตที่ขัดจนเป็นมัน เมื่อเดินเข้าสู่ประตูขนาดมหึมา ซึ่งได้รับการออกแบบให้เป็นทางเข้าหลักสำหรับราชวงศ์ เหนือขึ้นบนประตูได้ปรากฏภาพโมเสก ภาพพระจักรพรรดิลีโอที่ 6 ทรงหมอบคำนับต่อพระพักตร์พระเยซูคริสต์ ซึ่งกำลังถือหนังสือปรากฏเป็นข้อความว่า “สันติจงดำรงอยู่กับท่าน” และมีกรอบวงกลมขนาบทั้งสองฝั่งคือ เป็นภาพพระแม่ในกรอบทางซ้าย และภาพอัครเทวดากาเบรียลในกรอบด้านขวา
หลังจากผ่านทางเดินกลางที่โค้งสูงตระหง่านเข้ามาสู่ภายในห้องโถงกลาง คุณก็จะได้พบกับโดมแห่งสรวงสวรรค์ซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 102 ฟุตและสูง 180 ฟุต ทั้งยังมีหน้าต่างโค้ง 40 บานล้อมอยู่โดยรอบนั้น ได้อนุญาตให้แสงส่องลงมาจึงทำให้เกิดบรรยากาศอันศักดิ์สิทธิ์ ราวกับว่าสถานที่แห่งนี้ได้เชื่อมความศรัทธาระหว่างมนุษย์ส่งถึงพระเจ้าอย่างแท้จริง
แสงระยิบระยับจากโคมไฟระย้า ได้สะท้อนให้เห็นพื้นผิวฉาบไปด้วยกระเบื้องโมเสกทองคำเคลือบแก้ว และจิตรกรรมฝาผนังโบราณ ที่มุมทั้งสี่ของโดมรองรับด้วยแกรอิฐขนาดใหญ่ ประดับลวดลายภาพจิตรกรรมรูปเทวดาเซราฟิมที่ใช้ปีกห่อตัว เพื่อป้องกันรัศมีที่แผ่ออกจากพระกายของพระเจ้าผู้ประทับอยู่กึ่งกลางโดม ซึ่งต่อมาได้ถูกเปลี่ยนเป็นศิลปะอักษรประดิษฐ์แบบอิสลาม และเมื่อได้สังเกตทางผนังด้านทิศตะวันออกซึ่งเป็นแท่นบูชา จะปรากฏภาพโมเสกรูปแม่พระอุ้มพระกุมารเยซูอยู่บนตัก ซึ่งเป็นภาพซ่อมแซมทับจากของเดิมจากการถูกทำลายเมื่อศตวรรษที่ 8
ผลงานทางด้านสถาปัตยกรรม และศิลปกรรมของฮาเกียโซเฟียที่มีอายุเก่าแก่ กลายเป็นแบบอย่างสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่ของอาณาจักรไบแซนไทน์ ได้สะท้อนถึงภูมิปัญญาของความศรัทธาต่อศาสนา ผู้คนทั้งในอดีต และปัจจุบัน ล้วนประทับใจในความงดงาม ดังคำกล่าวของนักประวัติศาสตร์ Procopius เมื่อ 1,500 ปีว่า
“ ใครก็ตามที่เจ้ามาสวดภาวนาในสถานที่แห่งนี้ จะเข้าใจทันทีว่า สิ่งนี้ไม่ใช่พละกำลัง หรือทักษะของมนุษย์คนใด หากแต่เป็นพลังอำนาจของพระเจ้า ที่ทำให้เกิดผลงานที่งดงามหมดจด”
ในปัจจุบันนักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมได้ตั้งแต่เวลา 09.00 ถึง 22.00 น. โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ
การเตรียมตัวก่อนเข้าชม
การแต่งกายสำหรับผู้หญิงสามารถใช้ผ้าพันคอเพื่อคลุมผมแทนฮิญาบได้ ส่วนทั้งชายและหญิงให้สวมเสื้อผ้าที่คลุมไหล่และเข่าอย่างมิดชิด ถอดรองเท้าด้านใน และตรวจสอบเวลาละหมาดให้ดี เนื่องจากหากเป็นช่วงที่ประกอบพิธีกรรมละหมาด นักท่องเที่ยวจะไม่สามารถเข้าชมได้
สามารถถ่ายภาพได้แต่ห้ามใช้แฟลช หรือพกขาตั้งกล้องและไม้เซลฟี่ที่อาจจะสร้างความรำคาญให้นักท่องเที่ยวรายอื่น
- อ่านบทความ ไปเที่ยวตุรกีช่วงไหนดี? พี่เสือมีคำตอบ คลิก
และนี่ก็จะเป็นรีวิวทั้งหมดเกี่ยวกับฮาเกียโซเฟีย หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับทุกท่านที่สนใจไปเที่ยวไม่มากก็น้อย ท่านใดที่ได้ไปแล้วอย่าลืมนำภาพสวยๆ มาอวดกันได้เลยนะฮับ ^_^
ส่วนท่านใดที่สนใจอยากไปเที่ยวตุรกีเพื่อยลโฉมความงามของฮาเกียโซเฟีย สามารถดูโปรแกรมทัวร์ตุรกีที่ลิงค์ด้านล่างนี้ได้เลย !
